แบบฝึกหัดเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
1. การเรียนการสอนแบบดั้งเดิมไปสู่การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนั้นมีการเปลี่ยนไปอย่างไร จงอธิบาย
การเรียนการสอนในอดีตนั้น จะเป็นการเรียนการสอนโดยเน้นที่ครูผู้สนอนเป็นส่วนใหญ่ กล้าวคือ ครูผู้สอนจะเป็นผู้ชี้นำ บอกให้ทำ ตลอดจน เอาความรู้มาให้นักเรียน ครูจะเป็นผู้ที่คอยป้อนข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ความรู้ในเนื้อหารายวิชาต่างๆ ความประพฤติตัวที่ดีงาม คุณธรรมจริยธรรม หรือ จะเรียกว่า ครุเป็น ผู้ชี้นำ การเรียนการสอนนั้น ยังยึดติดกับการใช้ตำรา และกระดานดำเป็นส่วนใหญ่ โดยจะสอนตามเนื้อหาที่ครูผู้สอนได้จัดทำไว้อย่างละเอียด
การเรียนการสอนในอดีตนั้น จะเป็นการเรียนการสอนโดยเน้นที่ครูผู้สนอนเป็นส่วนใหญ่ กล้าวคือ ครูผู้สอนจะเป็นผู้ชี้นำ บอกให้ทำ ตลอดจน เอาความรู้มาให้นักเรียน ครูจะเป็นผู้ที่คอยป้อนข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ความรู้ในเนื้อหารายวิชาต่างๆ ความประพฤติตัวที่ดีงาม คุณธรรมจริยธรรม หรือ จะเรียกว่า ครุเป็น ผู้ชี้นำ การเรียนการสอนนั้น ยังยึดติดกับการใช้ตำรา และกระดานดำเป็นส่วนใหญ่ โดยจะสอนตามเนื้อหาที่ครูผู้สอนได้จัดทำไว้อย่างละเอียด
ส่วนในปัจจุบัน ครูผู้สอนเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ กล่าวคือ การสอนการสอนทุกอย่าง ครูเป็นแค่เพียงครูพี่เลี้ยง ครูบอกกล่าว แนะนำ ติเตียน แก่ผู้เรียนเท่านั้น ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ จะไม่มีการรัยนเพียงแต่ในห้องเหมือนอดีต แต่จะมีการศึกษานอกห้องเรียน เพื่อทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างกว้างขวาง และส่วนมากจะนำเทคโนโลยีมาช่วยสอน เพราะเทคโนโลยีนั้นมีความสำคัญอย่างมากกับปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา ด่านเศรษฐกิจ ด้านการเมืองการปกครอง ตลอดจนด้านความมั่นคงของประเทศ ดังนั้นผู้เรียนรุ่นใหญ่ควรคู่กับการเรียนรู้ให้เท่านั้นกับเทคโนโลยีในปัจจุบัน การทำงานหรือการเรียนของเด็กจะไม่หมกหมุ่นอยู่กับตำราเรียน เพราะในตำราเรียนนั้น ความรู้ยังไม่กว้างขวาง ตลอดจนยังไม่มีการสอดแทรกเนื้อหาความรู้ต่างๆที่เป็นประโยชน์ในด้านการเรียน หรือด้านตัวเอง เด็กในสังคมปัจจุบัน จึงเลือกการเรียนการสอนแบบการใช้เทคโนโลยีมาใช้ในการเรียนของพวกเขา เพื่อที่จะทำให้พวกเขาก้าวทันต่อโลกปัจจุบัน
2. รูปแบบการศึกษาที่พึ่งเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งที่มีบุคคลหนึ่งได้กล่าวอย่างสนุกว่า "มีครูอยู่ 3 คน" ครูนั้นได้แก่ใครบ้าง และมีชื่อว่าอย่างไร มีประโยชน์อย่างไร ครู 3 คนนั้นคือ อากู๋ น้องวิกกี้ และอีตูบ
อากู๋ คือ เว็บไซต์ที่ให้บริการในการค้นหาข้อมูลในโลกของอินเตอร์เน็ต โดยค้นหาข้อมูลจากข้อความ หรือตัวอักษรที่พิมพ์เข้าไป แล้วทำการค้นหาข้อมูล รูปภาพ หรือเว็บเพจที่เกี่ยวข้องนำมาแสดงผล เว็บไซต์ Google ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ต้องการค้นหาข้อมูล
น้องวิกกี้ คือ สารานุกรมเสรีหลายภาษาบนอินเทอร์เน็ต ที่ทุกคนสามารถอ่านและปรับปรุงเพิ่มเติมเนื้อหาซึ่งทำให้วิกิพีเดียกลายเป็นสารานุกรมที่ได้รับการแก้ไขรวบรวมและดูแลรักษาจากอาสาสมัครหลายแสนคนทั่วโลกผ่านซอฟต์แวร์ ชื่อ มีเดียวิก
อีตูบ คือ เป็นเว็บไซต์แลกเปลี่ยนภาพวิดีโอที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ที่สำคัญทุกอย่างที่นี่ฟรี โดยในเว็บไซต์นี้ ผู้ใช้สามารถใส่ภาพวิดีโอเข้าไป เปิดดูภาพวิดีโอที่มีอยู่ และแบ่งภาพวิดีโอ เหล่านี้ให้คนอื่นดูได้ด้วย
ประโยชน์ ของครูทั้ง 3
ครูทั้ง 3 นี้ มีประโยชน์อย่างมากในแวดวงของการศึกษา เพราะการศึกษาในปัจจุบันได้ให้ผู้เรียนเป็นจุดสำคัญหรือเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ดังนั้นครุทั้งเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ดังนั้นครุทั้ง 3 นี้จึงมีบทบาทมาช่วยในการเรียนของผู้เรียน หรือการสอนของครูผู้สอน ให้การเรียนการสอนนั้นทันต่อเทคโนโลยี หรือทันต่อเหตุการณ์บ้านเมือง ไม่ทำให้ผู้เรียนเรียนเพียงในเนื้อหาวิชาที่หลักสูตรกำหนดเท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรงจากผู้อื่น ที่ผู้อื่นนำมาเล่าหรือนำมาเขียน ตลอดจนนำมาแสดงเหตุผลให้ได้อ่าน ได้ฟัง ได้พิจารณาตาม
3. เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษาในลักษณะ e-Learning แบบ Real-Time แตกต่างจาก Non Real-Time อย่างไร 2 แบบนี้มัลักษณะที่แตกต่างกัน ดังนี้ e-learning หมายถึงการศึกษาที่เรียนรู้ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เนตโดยผู้เรียนรู้จะเรียนรู้ด้วยตัวเอง การเรียนรู้จะเป็นไปตามปัจจัยภายใต้ทฤษฎีแห่งการเรียนรู้สองประการคือ เรียนตามความรู้ความสามารถของผู้เรียนเอง และ การตอบสนองใน ความแตกต่างระหว่างบุคคล e-learning มีอยู่ 2 แบบ คือ แบบ Real-time และ แบบ Non real-time ซึ่ง
แบบ Real-time ได้แก่การสนทนาในลักษณะของการพิมพ์ข้อความแลกเปลี่ยนข่าวสาร
กัน หรือ ส่งในลักษณะของเสียง จากบริการของ Chat room
แบบ Non real-time ได้แก่การส่งข้อความถึงกันผ่านทางบริการ อิเลคทรอนิคเมลล์
WebBoard News-group เป็นต้น
4. Virtual Classroom คืออะไร
ความหมาย การ เรียนการสอนที่จำลองแบบเสมือนจริง เป็นนวัตกรรมทางการศึกษาสถาบันการศึกษา ต่างๆ ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจและจะขยายตัวมากขึ้นในศตวรรษที่ 21 การเรียนการสอนในระบบนี้อาศัยสื่ออิเล็กทรอนิกส์โทรคมนาคม และเครือข่ายคอมพิวเตอร์เป็นหลักที่เรียกว่า Virtual Classroom หรือ Virtual Campus บ้าง นับว่าเป็นการพัฒนาการ บริการทางการศึกษาทางไกลชนิดที่เรียกว่าเคาะประตูบ้านกันจริงๆ เป็นรูปแบบใหม่ของสถาบันการศึกษาในโลกยุคไร้พรมแดนมีนักวิชาการหลายท่านได้ให้ความหมายของคำว่า Virtual Classroom ไว้ดังนี้
ความหมาย การ เรียนการสอนที่จำลองแบบเสมือนจริง เป็นนวัตกรรมทางการศึกษาสถาบันการศึกษา ต่างๆ ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจและจะขยายตัวมากขึ้นในศตวรรษที่ 21 การเรียนการสอนในระบบนี้อาศัยสื่ออิเล็กทรอนิกส์โทรคมนาคม และเครือข่ายคอมพิวเตอร์เป็นหลักที่เรียกว่า Virtual Classroom หรือ Virtual Campus บ้าง นับว่าเป็นการพัฒนาการ บริการทางการศึกษาทางไกลชนิดที่เรียกว่าเคาะประตูบ้านกันจริงๆ เป็นรูปแบบใหม่ของสถาบันการศึกษาในโลกยุคไร้พรมแดนมีนักวิชาการหลายท่านได้ให้ความหมายของคำว่า Virtual Classroom ไว้ดังนี้
ศ. ดร. ครรชิต มาลัยวงศ ได้กล่าวถึงความหมายของห้องเรียนเสมือน (Virtual Classroom) ว่า
หมายถึง การเรียนการสอนที่ผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ของผู้เรียน เข้า
ไว้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ให้บริการเครือข่าย (File Server) และเครื่องคอมพิวเตอร์ผู้ให
บริการเว็บ (Web Server) อาจเป็นการเชื่อมโยงระยะใกล้หรือระยะไกล ผ่านทางระบบการสื่อสาร
และอินเทอร์เน็ตด้วย กระบวนการสอนผู้สอนจะออกแบบระบบการเรียนการสอนไว้โดยกำหนด
กิจกรรมการเรียนการสอน สื่อต่างๆ นำเสนอผ่านเว็บไซต์ประจำวิชา จัดสร้างเว็บเพจในแต่ละส่วน
ให้ สมบูรณ์ ผู้เรียนจะเข้าสู่เว็บไซต์ประจำวิชาและดำเนินการเรียนไปตามระบบการเรียน ที่ผู้สอน
ออกแบบไว้ในระบบเครือข่ายมีการจำลองสภาพแวดล้อมต่างๆ ในลักษณะเป็นห้องเรียนเสมือน
(ครรชิต มาลัยวงศ์, 2540)
บุญเกื้อ ควรหาเวช ได้กล่าวถึงห้องเรียนเสมือนว่า (Virtual Classroom) หมายถึง การ จัดการ
เรียนการสอนที่ ผู้เรียนจะเรียนที่ไหนก็ได้ เช่น ที่บ้าน ที่ทำงาน โดยไม่ต้องไปนั่งเรียนในห้อง เรียน
จริงๆ ทำให้ประหยัดเวลา ค่าเดินทาง และค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกมากมาย
(บุญเกื้อ ควรหาเวช. 2543: 195)
รุจโรจน์ แก้วอุไร กล่าวไว้ว่าห้องเรียนเสมือน (Virtual Classroom) เป็นการจัดการเรียนการ
สอนทางไกลเต็มรูปแบบ โดยมีองค์ประกอบครบ ได้แก่ ตัวผู้เรียน ผู้สอน และเพื่อนร่วมชั้น เข้าสู่
กระบวนการเรียนการสอนพร้อมๆ กัน มีสื่อการสอนทั้งภาพและเสียง ผู้เรียนสามารถร่วมกิจกรรม
กลุ่ม หรือตอบโต้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้สอนหรือกับเพื่อนร่วมชั้นได้เต็มที่
(คล้ายกับ chatroom) ส่วนผู้สอนสามารถตั้งโปรแกรมติดตามพัฒนาการ ประเมินผลการเรียนรวมทั้งประสิทธิภาพของหลัก สูตรได้ ทั้งนี้ไม่จำกัดเรื่องสถานที่ แต่ผู้เรียนในชั้นและผู้สอนจะต้องนัดเวลาเรียนอย่าง
พร้อมเพรียง
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร กล่าวว่าห้องเรียนเสมือน (Virtual Classroom) เป็นการเรียน การ
สอนที่จะต้องมีการนัดเวลา นัดสถานที่ นัดผู้เรียนและผู้สอน เพื่อให้เกิดการเรียนการสอนมีการ
กำหนดตารางเวลาหรือตารางสอนผู้เรียนไม่ต้องเดินทางแต่เรียกผ่านเครือข่ายตามกำหนดเวลาเพื่อ
เข้าห้องเรียนและเรียน ได้แม้จะอยู่ที่ใดในโลก
สรุป กล่าวได้ว่าได้ว่า ห้องเรียนเสมือน (Virtual Classroom) หมายถึง การเรียนการสอนที่
กระทำผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ของผู้เรียนเข้าไว้กับเครื่อง
คอมพิวเตอร์ของผู้ให้บริการเครือข่าย (File Server) และคอมพิวเตอร์ผู้ให้บริการเว็บ (Web sever)
เป็นการเรียนการสอนที่จะมีการนัดเวลาหรือไม่นัดเวลาก็ได้ และนัดสถานที่ นัดตัวบุคคล เพื่อให้
เกิด การเรียนการสอน มีการกำหนดตารางเวลาหรือตารางสอน เข้าสู่กระบวนการเรียนการสอน
พร้อมๆ กันหรือไม่พร้อมกัน มีการใช้สื่อการสอนทั้งภาพและเสียง ผู้เรียนสามารถร่วมกิจกรรมกลุ่ม
หรือตอบ โต้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้สอนหรือกับเพื่อนร่วมชั้นได้เต็มที่ (คล้าย chat room)
ส่วนผู้สอน สามารถตั้งโปรแกรมติดตามพัฒนาการประเมินผลการเรียนรวมทั้งประสิทธิภาพของ
หลักสูตรได้ ทั้งนี้ ไม่จำกัดเรื่องสถานที่ เวลา (Any Where & Any Time) ของผู้เรียนในชั้นและผู้สอน
5. Asychonous Learning คือรูปแบบการสอนโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในลักษณะใด
Asynchronous Learning คือ รูปแบบการเรียนการสอนที่ผู้สอน และผู้เรียนไม่จำเป็นต้องพบ
Asynchronous Learning คือ รูปแบบการเรียนการสอนที่ผู้สอน และผู้เรียนไม่จำเป็นต้องพบ
กันตามเวลาในตาราง ที่กำหนดไว้ (Synchronous Learning) แต่ผู้สอนและผู้เรียนสามารถติดต่อกัน
ได้ตลอดเวลา โดยใช้เครื่องมือสื่อ สารต่าง ๆ ซึ่งเป็นการเรียนรู้ที่ไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของเวลา และ
สถานที่ ผู้เรียนสามารถเรียนที่ไหน เวลาใดก็ได้ (Anywhere Anytime) เป็นการเรียนที่อาศัยวิธีการ
หรือเครื่องมือต่าง ๆ ที่ทำให้ผู้เรียน สามารถเรียนรู้ในลักษณะที่ปฏิสัมพันธ์ และมีส่วนร่วม
ช่วยเหลือกันระหว่าง ผู้เรียน โดยใช้แหล่ง ข้อมูลความรู้ต่าง ๆ ทั้งใกล้และไกล ผู้เรียนสามารถศึกษา
ค้นคว้า หรือเข้าถึงข้อมูลความรู้เหล่านั้น จากที่ไหน และเวลาใดก็ได้ ตามความต้องการและความ
สะดวกของผู้เรียนเอง ซึ่ง Asynchronous Learning เป็นการใช้การสื่อสารระยะไกล
(Telecommunication) เพื่อช่วยให้การเรียนรู้มีลักษณะใกล้เคียงกับการเรียนในระบบห้องเรียนหรือ
การเรียนการสอนที่ผู้สอนกับผู้เรียนได้พบหน้ากัน (Face - to - Face Instruction)
6. Hypermedia คือเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษาอะไร และนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างไร
Hypermedia คือ สื่อหลายมิตินั้นเป็นสื่อประสมที่พัฒนามาจากข้อความหลายมิติ ซึ่งแนวความคิด
Hypermedia คือ สื่อหลายมิตินั้นเป็นสื่อประสมที่พัฒนามาจากข้อความหลายมิติ ซึ่งแนวความคิด
เกี่ยวกับข้อ ความหลายมิติ ( hypertext ) นี้มีมานานหลายสิบปีแล้ว โดย แวนนิวาร์ บุช (Vannevar
Bush) เป็นผู้ ที่มีความคิดริเริ่มเกี่ยวกับเรื่องนี โดยเขากล่าวว่าน่าจะมีเครื่องมืออะไรสักอย่างที่ช่วยในเรื่อและความคิดของมนุษย์ที่จะช่วยให้เราสามารถสืบค้นและเรียกใช้ข้อมูลจากความจำคอมพิวเตอร์ได้ หลาย ๆ
ข้อมูลในเวลาเดียวกันเหมือนกับที่คนเราสามารถคิดเรื่องต่าง ๆ ได้หลายเรื่องในเวลาเดียวกัน
สื่อหลายมิติ (Hypermedia) มีนักวิชาการหลายท่านได้ให้ความหมายและลักษณะของสื่อหลายมิติ
ไว้ดังนี้
น้ำทิพย ์ วิภาวิน กล่าวไว้วา่ สื่อหลายมิติ (Hypermedia) เป็นเทคนิคที่ต้องการใชสื่อผสม อื่นๆ ที่คอมพิวเตอร์สามารถนำเสนอได้ในรูปแบบต่าง ๆ ได้ทั้งข้อความ เสียง ภาพนิ่ง และภาพ
เคลื่อนไหว
วิเศษศักดิ์ โคตรอาชา กล่าวว่า สื่อหลายมิติ Hypermedia เป็นการขยายแนวความคิดจาก
Hypertext อันเป็นผลมาจากพัฒนาการของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่สามารถผสมผสานสื่อและ
อุปกรณ์หลายอย่างให้ทำงานไปด้วยกัน
กิดานันท์ มลิทอง กล่าวไว้ว่า สื่อหลายมิติ เป็นการขยายแนวความคิดของข้อความหลายมิติ
ในเรื่องของการเสนอข้อมูลในลักษณะไม่เป็นเส้นตรง และเพิ่มความสามารถในการบรรจุข้อมูลในลักษณะของภาพเคลื่อนไหวแบบวีดิทัศน์ ภาพกราฟิคในลักษณะภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว ภาพถ่าย เสียงพูด เสียงดนตรี เข้าไว้ในเนื้อหาด้วย เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงเนื้อหาเรื่องราวในลักษณะ ต่างๆ ได้หลายรูปแบบกว่าเดิม
ประโยชน์และลักษณะของบทเรียนหลายมิติ
การเรียนบทเรียนที่มีลักษณะสื่อหลายมิติผู้เรียนสามารถเรียนรู้ข้อมูลจากบทเรียนได้หลาย
ประเภทดังนี้
1.เรียกดูความหมายของคำศัพท์
2. ขยายความเข้าใจเนื้อหาโดย ดูแผนภาพ หรือภาพวาด ภาพถ่าย หรือฟังคำอธิบายหรือฟังเสียงดนตรี เป็นต้น
3. ใช้สมุดบันทึกที่มี อยู่ในโปรแกรมบันทึกใจความสำคัญ
4. ใช้เครื่องมือวาดภาพในโปรแกรมวาดแผนที่มโนทัศน์ของตน
5. สามารถเชื่อมโยงข้อมูล ต่าง ๆ ที่สนใจมาอ่านได้โดยสะดวก
6. ใช้แผนที่ระบบดูว่าขณะนี้กำลังเรียนอยู่ส่วนใดของบทเรียน
7. ให้นิสิตเขียนตารางเปรียบเทียบแนวโน้มเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษาใน 3 ยุค
ข้อเปรียบเทียบ | แนวโน้มที่ 1 | แนวโน้มที่ 2 | แนวโน้มที่ 3 |
ลักษณะของการสื่อสาร | เป็นการสื่อสารมวลชนมากขึ้น และเป็นการสื่อสารระหว่างบุคคล โดยจะใช้เสียง เป็นการสื่อสาร | เป็นการสื่อสารมวลชนและระหว่างบุคคล เป็นการสื่อสารด้วยภาพมากขึ้นและเป็นการผสมระหว่างภาพกับเสียง | มีการนำเทคโนโลยีชนิดอื่นๆ มาประกอบหรือประยุกต์ใช้ |
ประสิทธิภาพในการสื่อสาร | ไม่ประสิทธิภาพในการสื่อสาร | มีประสิทธิภาพในการสื่อสารสูง | มีประสิทธิภาพในการสื่อสารสูงมาก |
ราคาของสื่อ | แพง | แพง | ยิ่งพัฒนาไปมากเท่าไร ราคาก็ยิ่งต่ำลง |
8. ให้นิสิตสรุปประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษามา 5 ข้อ
ประโยชน์เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา มีดังนี้
1. เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามามีส่วนช่วยเรื่องการเรียนรู้ ปัจจุบันมีเครื่องมือที่ช่วย
สนับสนุนการเรียนรู้ หลายด้าน มีระบบคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) ระบบสนับสนุนการรับรู้
ข่าวสาร เช่น การค้นหาข้อมูลข่าวสารเพื่อการเรียนรู้ใน World Wide Web เป็นต้น
2. เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาสนับสนุนการจัดการศึกษา โดยเฉพาะการจัดการศึกษา
สมัยใหม่จำเป็นต้องอาศัยข้อมูลข่าวสารเพื่อการวางแผน การดำเนินการ การติดตามและประเมินผล
ซึ่งอาศัยคอมพิวเตอร์และระบบสื่อสารโทรคมนาคมเข้ามามีบทบาทที่สำคัญ
3. เทคโนโลยีสารสนเทศกับการสื่อสารระหว่างบุคคล ในเกือบทุกวงการทั้งทางด้าน
การศึกษาจำเป็นต้องอาศัยสื่อสัมพันธ์ระหว่างตัวบุคคล เช่น การสื่อสารระหว่างผู้สอนกับผู้เรียนโดยใช้องค์ประกอบที่สำคัญช่วยสนับสนุนให้เกิดประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เช่น การใช้
โทรศัพท์ โทรสาร ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ เทเลคอมเฟอเรนซ์ เป็นต้น
4. ที่มีการนำเอาเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้เพื่อการศึกษา และโดยเฉพาะการนำมาปรับใช้สำหรับคนพิการได้ผลดีอย่างมากมาย กล่าวคือคนพิการสามารถพึ่งตนเองในการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี ก่อให้เกิดการเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง (Independent Learning) ไม่เป็นภาระแก่ผู้ดูแลอย่างที่เคยเป็นมาก่อนในอดีต การเรียนเกิดขึ้น
ได้อย่างสม่ำเสมอและรวดเร็วเทียบเท่ากับคนทั่วไป
5. การเรียนการสอนโดยใช้เว็บเป็นหลักเป็นการประยุกต์ใช้ยุทธวิธีการสอนด้านพุทธพิสัย
(Cognitive) ภายใต้สภาพแวดล้อมทางการเรียนที่ผู้เรียนเป็นผู้สร้างองค์ความรู้ และการเรียนแบบ
ร่วมมือกัน (Collaborative Learning) เนื่องจากการเรียนแบบนี้ผู้เรียนเป็นผู้ควบคุมการเรียนด้วย
ตนเอง เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ (Child Center) และเรียนดว้ ยการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น (Learner
Interaction) การเรียนการสอนโดยใช้เว็บเป็นหลักเป็นการจำลองสถานการณ์การเรียนการสอนในห้องเรียนในรูปของสืบค้นองค์ความรู้จากเว็บ หรืออาจเรียกว่า อีเลิร์นนิ่ง (E-Learning) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอีเอ็ดยูเคชั่น (E-Education) และเป็นส่วนหนึ่งของอีคอมเมิร์ช (E-commerce)
9. Tablet PC คืออะไร มีประโยชน์อย่างไรต่อการศึกษา และตามนโยบายของรัฐบาลได้ระบุว่าจะแจกให้กับนักเรียนนั้นนิสิตคิดว่าเหมาะสมหรือไม่ เพราะเหตุใด
โดยพื้นฐานแล้ว Tablet PC ไม่มีอะไรแตกต่างจากคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค เพียงแต่ไม่มีคีย์บอร์ด ไม่มีเมาส์ เท่านั้นเอง เรายังใช้งานโปรแกรมใน Windows XP, Windows Vista ไม่ว่าจะเป็น โปรแกรมเวิร์ด เอ็กเซลล์ การใช้งานอินเตอร์เน็ต สามารถใช้งานได้เหมือนเดิม iPad ก็จัดอยู่ในประเภท Tablet PC เช่นเดียวกัน การใช้งาน iPad จะไม่มีคีย์บอร์ด ไม่มีเมาส์ ทุกอย่างทาบนหน้าจอทั้งสิ้น มีรูปร่างสวยงาม น้ำหนักเบาพกพาได้ง่าย
ประโยชน์ทางด้านการศึกษาของ Tablet PC
สาหรับข้อดีของ iPad ที่มีมากกว่าสมุดจดทั่วไปคือ สามารถเป็นช่องทางที่ให้ครูและนักเรียนแลกเปลี่ยนการบ้าน และเอกสารต่าง ๆ ในรูปแบบดิจิตอลได้ อีกทั้ง iPad ยังเป็นสื่อมัลติมีเดียที่สร้างความสนุกสนานไปกับบทเรียนในรูปแบบเกมส์ต่างๆ
ตามนโยบายของรัฐบาลได้ระบุว่าจะแจกให้กับนักเรียนนั้น กระผมคิดว่า ไม่สมควร เพราะเด็กนักเรียนไทยในปัจจุบัน การเรียนขึ้นพื้นฐาน คือ การเขียน การอ่าน การฟัง ตลอดจนการพูดนั้น ยังมีปัญหาอย่างมาก โดยเฉพาะการเขียน การเขียนเป็นพื้นฐานของการเรียนรู้ ถ้ารัฐบาลสมัยนี้นำ Tablet PC มาแจกแก่นักเรียนของตน ก็เปรียบเสมือนฆ่านักเรียนตายทั้งเป็น เพราะจะทำให้ นักเรียนเขียนหนังสือไม่เป็น
10. ให้เขียนความเหมือนและความแตกต่างระหว่าง Tablet PC , IPAD และ Notebook Tablet คือ เครื่องคอมพิวเตอร์ที่สามารถใช้ในขณะเคลื่อนที่ได้ขนาดกลางและใช้หน้าจอสัมผัสในการทำงานเป็นอันดับแรก มีคีย์บอร์ดเสมือนจริงหรือปากกาดิจิตอลในการใช้งานแทนที่แป้นพิมพ์คีย์บอร์ด และมีความหมายครอบคลุมถึงโน๊คบุ๊คแบบ convertible ที่มีหน้าจอแบบสัมผัสและมีแป้นพิมพ์คีย์บอร์ดติดมาด้วยไม่ว่าจะเป็นแบบหมุนหรือแบบสไลด์ก็ตาม
10. ให้เขียนความเหมือนและความแตกต่างระหว่าง Tablet PC , IPAD และ Notebook Tablet คือ เครื่องคอมพิวเตอร์ที่สามารถใช้ในขณะเคลื่อนที่ได้ขนาดกลางและใช้หน้าจอสัมผัสในการทำงานเป็นอันดับแรก มีคีย์บอร์ดเสมือนจริงหรือปากกาดิจิตอลในการใช้งานแทนที่แป้นพิมพ์คีย์บอร์ด และมีความหมายครอบคลุมถึงโน๊คบุ๊คแบบ convertible ที่มีหน้าจอแบบสัมผัสและมีแป้นพิมพ์คีย์บอร์ดติดมาด้วยไม่ว่าจะเป็นแบบหมุนหรือแบบสไลด์ก็ตาม
Notebook คือ คอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กกว่าไมโครคอมพิวเตอร์ ถูกออกแบบไว้เพื่อนำติดตัวไปใช้ตามที่ต่างๆ มีขนาดเล็ก และน้ำหนักเบา ในปัจจุบันมีขนาดพอๆกับสมุดที่ทำด้วยกระดาษ
IPAD คือแท็บเล็ตคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบและพัฒนาโดยบริษัทแอปเปิล โดยมีหน้าที่หลักในด้านมัลติมีเดียในด้าน ภาพยนตร์ เพลง เกม อีบุ๊ก และท่องเว็บไซต์ ขนาดและน้ำหนักของไอแพดมีขนาดเบากว่าแล็ปท็อป
Tablet PC ไม่มีอะไรแตกต่างจากคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค เพียงแต่ไม่มีคีย์บอร์ด ไม่มีเมาส์ เท่านั้นเอง เรายังใช้งานโปรแกรมใน Windows XP , Windows Vista ไม่ว่าจะเป็น โปรแกรมเวิร์ด เอ็กเซลล์ การใช้งานอินเตอร์เน็ต สามารถใช้งานได้เหมือนเดิม iPad เองก็จัดอยู่ในประเภท Tablet PC เช่นเดียวกัน การใช้งาน iPad จะไม่มีคีย์บอร์ด ไม่มีเมาส์ ทุกอย่างทำบนหน้าจอทั้งสิ้น มีรูปร่างสวยงาม น้ำหนักเบาพกพาได้ง่าย
11. เครือข่ายสังคมออนไลน์คืออะไร นำมาประยุกต์ใช้กับการศึกษาได้หรือไม่ อย่างไร เครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Networking) คือสังคมที่ผู้คนสามารถทาความรู้จัก ร่วมแบ่งปันสิ่งที่สนใจ และสามารถเชื่อมโยงกันได้ในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ในโลกอินเตอร์เน็ต โดยอาศัยรูปแบบการบริการ เรียกว่า “บริการเครือข่ายสังคม หรือ Social Networking Service (SNS)” โดยเป็นรูปแบบของเว็บไซต์ ในการสร้างเครือข่ายสังคม สาหรับผู้ใช้งานในอินเทอร์เน็ต ที่ใช้เขียนและอธิบายความสนใจ และกิจกรรมที่ได้ทา และเชื่อมโยงกับความสนใจและกิจกรรมของผู้อื่น รวมทั้งข้อมูลส่วนตัว บทความรูปภาพผลงาน พบปะ แสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนประสบการณ์ หรือความสนใจร่วมกัน และกิจกรรมอื่นๆ รวมไปถึงเป็นแหล่งข้อมูลจานวนมหาศาลที่ผู้ใช้สามารถช่วยกันสร้างเนื้อหาขึ้นได้ตามความสนใจของแต่ละบุคคลหรือกลุ่มบุคคล
เครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Networking) สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้กับการเรียนการสอนเป้นอย่างมาก เพราะ ปัจจุบันการเรียนนั้นต้องให้ทันต่อเหตุการณ์ของบ้านเมือง ทันต่อโลก
12. เครือข่ายสังคมออนไลน์ในลักษณะการเผยแพร่ตัวตนคืออะไร ให้ยกตัวอย่างมา 2 เครือข่าย กลุ่มเว็บไซต์เผยแพร่ “ตัวตน”เว็บไซต์เหล่านี้ใช้สาหรับนาเสนอตัวตน และเผยแพร่เรื่องราวของตนเองทางอินเตอร์เน็ต หรือผู้ใช้สามารถเขียน blog สร้างอัลบั้มรูปของตัวเอง สร้างกลุ่มเพื่อนในห้องเรียน และสร้างเครือข่ายเพื่อการเรียนรู้ขึ้นมาได้ ตัวอย่างเว็บไซต์ประเภทนี้คือ myspace.com, hi5.com และ facebook.com เป็นต้น
13. เครือข่ายสังคมออนไลน์ในลักษณะการเผยแพร่ผลงานคืออะไร ให้ยกตัวอย่างมา 2 เครือข่าย
กลุ่มเวปไซต์เผยแพร่ “ผลงาน”เราสามารถใช้เว็บไซต์เหล่านี้ในการนาเสนอผลงานของตัวเอง ผลงานของกลุ่ม ได้ในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นวีดีโอ รูปภาพ หรือเสียงอาจารย์สอนที่ได้จากการบันทึกในชั้นเรียนเป็นต้น ตัวอย่างเว็บไซต์ประเภทนี้เช่น YouTube.com, Yahoo VDO, Google VDO, Flickr.com, Multiply.com เป็นต้น
กลุ่มเวปไซต์เผยแพร่ “ผลงาน”เราสามารถใช้เว็บไซต์เหล่านี้ในการนาเสนอผลงานของตัวเอง ผลงานของกลุ่ม ได้ในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นวีดีโอ รูปภาพ หรือเสียงอาจารย์สอนที่ได้จากการบันทึกในชั้นเรียนเป็นต้น ตัวอย่างเว็บไซต์ประเภทนี้เช่น YouTube.com, Yahoo VDO, Google VDO, Flickr.com, Multiply.com เป็นต้น
14. เครือข่ายสังคมออนไลน์ในลักษณะกลุ่มที่มีความสนใจตรงกันคืออะไร ให้ยกตัวอย่างมา 2 เครือข่าย กลุ่มเว็บไซต์ที่มีความสนใจตรงกัน มีลักษณะเป็น Online Bookmarking หรือ Social Bookmarking โดยมีแนวคิดที่ว่า แทนที่เราจะทา Bookmark (เหมือนกับเราคั่นหนังสือ) เว็บที่เราชอบ หรือบทความรายงานที่เกี่ยวข้องกับการเรียน เก็บEducational Technology 4 ไว้ในเครื่องของเราคนเดียว สู้เรา Bookmark เก็บไว้บนเว็บจะดีกว่า เพื่อจะได้แบ่งให้เพื่อน ๆ คนอื่นดูได้ด้วย และเราก็จะได้รู้ด้วยว่าเว็บไซต์ใดที่ได้รับความนิยมมาก เป็นที่น่าสนใจ โดยดูได้จากจานวนตัวเลขที่เว็บไซต์นั้นถูก Bookmark เอาไว้จากสมาชิกคนอื่นๆ ตัวอย่างเว็บไซต์นี้ ได้แก่ del.icio.us, Digg, Zickr, duocore.tv เป็นต้น
15. เครือข่ายสังคมออนไลน์ในลักษณะทำงานร่วมกันคืออะไร ให้ยกตัวอย่างมา 2 เครือข่าย
กลุ่มเว็บไซต์ที่ใช้ทางานร่วมกัน เป็นกลุ่ม SNS ที่เปิดให้สมาชิกทุกคนในกลุ่มเข้ามานาเสนอข้อมูล ความคิดหรือต่อยอด เรื่องราวต่าง ๆ ได้ ตัวอย่างเว็บไซต์นี้ได้แก่ WikiPedia เป็นสารานุกรมต่อยอด ที่อนุญาตให้ใครก็ได้เข้ามาช่วยกันเขียน และแก้ไขบทความต่างๆ ได้ตลอดเวลา ทาให้เกิดเป็นสารานุกรมออนไลน์ขนาดใหญ่ที่รวบรวมความรู้ ข่าวสาร และเหตุการณ์ต่างๆ ไว้มากมาย ปัจจุบันเราสามารถใช้ Google Maps สร้างแผนที่ของตัวเอง หรือแชร์แผนที่ให้คนอื่นได้ด้วย จึงทาให้มีสถานที่สาคัญ หรือสถานที่ต่างๆ ถูกปักหมุดเอาไว้ พร้อมกับข้อมูลของสถานที่นั้นๆ ไว้แสดงผลจากการค้นหาได้อีกด้วย
กลุ่มเว็บไซต์ที่ใช้ทางานร่วมกัน เป็นกลุ่ม SNS ที่เปิดให้สมาชิกทุกคนในกลุ่มเข้ามานาเสนอข้อมูล ความคิดหรือต่อยอด เรื่องราวต่าง ๆ ได้ ตัวอย่างเว็บไซต์นี้ได้แก่ WikiPedia เป็นสารานุกรมต่อยอด ที่อนุญาตให้ใครก็ได้เข้ามาช่วยกันเขียน และแก้ไขบทความต่างๆ ได้ตลอดเวลา ทาให้เกิดเป็นสารานุกรมออนไลน์ขนาดใหญ่ที่รวบรวมความรู้ ข่าวสาร และเหตุการณ์ต่างๆ ไว้มากมาย ปัจจุบันเราสามารถใช้ Google Maps สร้างแผนที่ของตัวเอง หรือแชร์แผนที่ให้คนอื่นได้ด้วย จึงทาให้มีสถานที่สาคัญ หรือสถานที่ต่างๆ ถูกปักหมุดเอาไว้ พร้อมกับข้อมูลของสถานที่นั้นๆ ไว้แสดงผลจากการค้นหาได้อีกด้วย
16. Tablet มีประโยชน์อย่างไรในวงการศึกษา
ข้อดีของ Tablet ที่มีมากกว่าสมุดจดทั่วไปคือ สามารถเป็นช่องทางที่ให้ครูและนักเรียนแลกเปลี่ยนการบ้าน และเอกสารต่าง ๆ ในรูปแบบดิจิตอลได้ อีกทั้ง iPad ยังเป็นสื่อมัลติมีเดียที่สร้างความสนุกสนานไปกับบทเรียนในรูปแบบเกมส์ต่าง ๆ ได้อีกด้วย
และยังสามารถทำให้ผู้เรียนสนใจการเรียนมากขึ้น เพราะใน Tablet นั้นมีโปรแกรมต่างๆที่เอื้อต่อการเรียนของผู้เรียนเป้นอย่างมาก ทั้งยังทำหู้เรียนได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในการดรียนจริง ทำให้ผู้เรียนไม่น่าเบื่อในการเรียน บรรยากาศในห้องเรียนเต็มไปด้วยความสนุกสนาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น