การสอลก่อได้ล่วงเลยไป คะแนนจะออกมาอย่างไงน้ออออออออออออ
เราทำสุดความสามารถเราแล้วน๊าๆๆๆๆๆ
อยากได้ เอ จังเลยยยยยย
ให้ เอ ผมหน่อยน๊าคร๊าฟฟฟฟ
400202 Educational Technology (1-2554)
วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2554
วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2554
ความแตกต่างของ CAI, WBI และ E-LEARNING
ความแตกต่างของ CAI, WBI และ E-LEARNING
E-learning เป็นเสมือนวิวัฒนาการของ WBI
CAI ทำงานภายใต้ Standalone หรือ อาจทำงานภายใต้ Local Area Network เพราะ CAI มิได้ออกแบบเพื่อการสื่อสารถึงกัน
WBI ทำงานบนระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตสามารถทำการสื่อสารภายใต้ระบบ Multi-user ได้อย่างไร้พรมแดน โดยผู้เรียนสามารถรับส่งข้อมูลการศึกษาทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronics Education Data) อย่างไม่จำกัดเวลา ไม่จำกัดสถานที่ และผู้เรียนและผู้สอนสามารถติดต่อสื่อสารถึงกันได้ และผู้สอนสามารถติดตามพฤติกรรมการเรียนตลอดจนผลการเรียนของผู้เรียนได้ และ สิ่งที่ทำให้ CAI ต่างจาก WBI คือ เรื่องการสื่อสาร
WBI สามารถทำการสื่อสารภายใต้ระบบ Multiuser ได้อย่างไร้พรมแดน โดยผู้เรียนสามารถติดต่อสื่อสารกับผู้เรียนด้วย กัน อาจารย์ หรือผู้เชี่ยวชาญ ฐานข้อมูลความรู้ และยังสามารถรับส่งข้อมูลการศึกษาอิเล็คทรอนิค(Eletronic Education Data ) อย่างไม่จำกัดเวลา ไม่จำกัดสถานที่ ไม่มีพรมแดนกีดขวางภายใต้ระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต หรืออาจเรียกว่าเป็น Virtual classroom เลยก็ได้ และนั้นก็คือการกระทำกิจกรรมใดๆ ภายในโรงเรียน ภายในห้องเรียน สามารถทำได้ทุกอย่างใน WBI ที่อยู่บนระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต จนกระทั่งคุณจบการศึกษาเลย
ส่วน WBI เป็นการเรียนทางไกลผ่านทางเว็บ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของอินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต หรือ เอ็กซ์ทราเน็ตก็ตาม
ส่วน E-learning หมายถึงการเรียนรู้ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์อินเทอร์เน็ต หรือ อินทราเน็ต เป็นการเรียนรู้ด้วยตนเอง
วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554
คุณประโยชน์ของสื่อการสอน
คุณค่าของสื่อการสอน
สื่อการสอนนับว่าเป็นสิ่งสำคัญในการเรียนรู้เนื่องจากเป็นตัวกลางในการถ่ายทอดเนื้อหา
จากผู้สอนไปยังผู้เรียน หรือเป็นสื่อที่ผู้เรียนใช้เรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ดังนั้น สื่อการสอนจึงสามารถ
นำมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งกับผู้เรียนและผู้สอนดังต่อไปนี้
สื่อกับผู้เรียน
สื่อการเรียนการสอนมีความสำคัญและคุณค่าต่อผู้เรียนดังนี้
เนื้อหาบทเรียนที่ยุ่งยากซับซ้อนได้ง่ายขึ้นในระยะเวลาอันสั้น และช่วยให้เกิดความคิดรวบยอดใน
เรื่องนั้นได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว
เป็นสิ่งที่ช่วยให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะช่วยให้ผู้เรียนสามารถเข้าใจ
รู้สึกเบื่อหน่ายการเรียน
สื่อจะช่วยกระตุ้นและสร้างความสนใจให้กับผู้เรียน ทำให้เกิดความสนุกสนานและไม่
ความเข้าใจ และช่วยให้เกิดประสบการณ์ร่วมกันในวิชาที่เรียน
การใช้สื่อจะทำให้ผู้เรียนมีความเข้าใจตรงกันหากเป็นเรื่องของนามธรรมและยากต่อ
สัมพันธ์อันดีในระหว่างผู้เรียนด้วยกันเองและกับผู้สอนด้วย
สื่อช่วยให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนการสอนมากขึ้น ทำให้เกิดมนุษย
สร้างสรรค์จากการใช้สื่อเหล่านั้น
สร้างเสริมลักษณะที่ดีในการศึกษาค้นคว้าหาความรู้ ช่วยให้ผู้เรียนเกิดความคิด
การศึกษารายบุคคล
ช่วยแก้ปัญหาเรื่องของความแตกต่างระหว่างบุคคลโดยการจัดให้มีการใช้สื่อใน สื่อกับผู้สอน
สื่อการเรียนการสอนมีความสำคัญและคุณค่าต่อผู้สอนดังนี้
การสอนน่าสนใจยิ่งยิ่งขึ้น ทำให้ผู้สอนมีความกระตือรือร้นในการสอนมากกว่าวิธีการที่เคยใช้การ
บรรยายแต่เพียงอย่างเดียว และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในตัวเองในเพิ่มขึ้นด้วย
การใช้สื่อวัตถุประสงค์ต่างๆประกอบการเรียนการสอน เป็นการช่วยให้บรรยากาศใน
และบางครั้งอาจให้ผู้เรียนศึกษาเนื้อหาจากสื่อได้เอง
ช่วยแบ่งเบาภาระของผู้สอนในด้านการเตรียมเนื้อหาเพราะสามารถนำสื่อมาใช้ซ้ำได้
เพื่อใช้เป็นสื่อการสอน ตลอดจนคิดค้นเทคนิควิธีการต่างๆ เพื่อให้การเรียนรู้น่าสนใจยิ่งขึ้นเป็นการกระตุ้นให้ผู้สอนตื่นตัวอยู่เสมอในการเตรียมและผลิตวัสดุและเรื่องราวใหม่ๆ
วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2554
ห้องเรียนเสมือนจริง
ห้องเรียนเสมือนสามารถจำแนกได้เป็น 2 ลักษณะ คือ
จัดการเรียนการสอนในห้องเรียนธรรมดา แต่มีการถ่ายทอดสดภาพและเสียงเกี่ยวกับเนื้อหาของบทเรียนโดยอาศัยระบบโทรคมนาคมและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งเรียกว่า Online ไปยังผู้เรียนที่อยู่นอกห้องเรียน นิสิตสามารถรับฟังและติดตามการสอนของผู้สอนได้จากเครื่องคอมพิวเตอร์ของตนเองอีกทั้งยังสามารถโต้ตอบกับอาจารย์ผู้สอนหรือเพื่อนนิสิตที่อยู่คนละแห่งได้
ห้องเรียนเสมือนเป็นการจัดการเรียนการสอนผ่านระบบเครือข่าย ที่อาศัยประสิทธิภาพของเทคโนโลยีการสื่อสสารและอินเทอร์เน็ต การเรียนการสอนจึงต้องมีการเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ของผู้เรียนเข้ากับเครือข่ายคอมพิวเตอร์การเรียนการสอนทำได้โดยผู้เรียนใช้คอมพิวเตอร์ เข้าสู่เว็บไซต์ ของห้องเรียนเสมือนและดำเนินการเรียนตามกิจกรรมที่ผู้สอนได้ออกแบบไว้ ห้องเรียนลักษณะนี้เรียกว่า ห้องเรียนเสมือนที่แท้ การเข้าสู่เว็บไซต์ห้องเรียนเสมือนนี้ ภาพที่ปรากฏเป็นหน้าแรก เรียกว่า โฮมเพจ ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นชื่อรายวิชาที่สอน ชื่อผู้สอน และข้อความสั้นๆต่างๆที่เป็นหัวข้อสำคัญในการเรียนการสอนเท่านั้น โฮมเพจนี้จะถูกออกแบบต่างๆให้มีความสวยงามด้วยภาพถ่าย ภาพกราฟิก ตัวอักษรและการให้สีสันเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้เรียน ข้อความสั้นๆที่จัดเรียงอยู่ในหน้าโฮมเพจได้ถูกเชื่อมโยงไปสู่หน้าเว็บเพจ ซึ่งเป็นหัวข้อย่อยและเชื่อมโยงไปสู่เว็บเพจรายละเอียด ซึ่งเป็นข้อมูลการเรียนการสอนในแต่ละส่วนตามลำดับความสำคัญ โดยผู้เรียนเพียงคลิกเม้าท์เลือกเรียนในหัวข้อซึ่งเป็นเนื้อหาหรือกิจกรรมการเรียนการสอนที่ตนเองสนใจได้ตามต้องการ เช่น เว็บเพจประกาศข่าว เว็บเพจประมวลวิชา เว็บเพจเนื้อหา เว็บเพจแสดงความคิดเห็น เว็บเพจสรุปบทเรียน เว็บเพจตอบปัญหา เว็บเพจแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ เว็บเพจการประเมินผล และเว็บเพจอื่นๆตามที่ถูกออกแบบไว้
จัดการเรียนการสอนในห้องเรียนธรรมดา แต่มีการถ่ายทอดสดภาพและเสียงเกี่ยวกับเนื้อหาของบทเรียนโดยอาศัยระบบโทรคมนาคมและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งเรียกว่า Online ไปยังผู้เรียนที่อยู่นอกห้องเรียน นิสิตสามารถรับฟังและติดตามการสอนของผู้สอนได้จากเครื่องคอมพิวเตอร์ของตนเองอีกทั้งยังสามารถโต้ตอบกับอาจารย์ผู้สอนหรือเพื่อนนิสิตที่อยู่คนละแห่งได้
ห้องเรียนเสมือนเป็นการจัดการเรียนการสอนผ่านระบบเครือข่าย ที่อาศัยประสิทธิภาพของเทคโนโลยีการสื่อสสารและอินเทอร์เน็ต การเรียนการสอนจึงต้องมีการเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ของผู้เรียนเข้ากับเครือข่ายคอมพิวเตอร์การเรียนการสอนทำได้โดยผู้เรียนใช้คอมพิวเตอร์ เข้าสู่เว็บไซต์ ของห้องเรียนเสมือนและดำเนินการเรียนตามกิจกรรมที่ผู้สอนได้ออกแบบไว้ ห้องเรียนลักษณะนี้เรียกว่า ห้องเรียนเสมือนที่แท้ การเข้าสู่เว็บไซต์ห้องเรียนเสมือนนี้ ภาพที่ปรากฏเป็นหน้าแรก เรียกว่า โฮมเพจ ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นชื่อรายวิชาที่สอน ชื่อผู้สอน และข้อความสั้นๆต่างๆที่เป็นหัวข้อสำคัญในการเรียนการสอนเท่านั้น โฮมเพจนี้จะถูกออกแบบต่างๆให้มีความสวยงามด้วยภาพถ่าย ภาพกราฟิก ตัวอักษรและการให้สีสันเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้เรียน ข้อความสั้นๆที่จัดเรียงอยู่ในหน้าโฮมเพจได้ถูกเชื่อมโยงไปสู่หน้าเว็บเพจ ซึ่งเป็นหัวข้อย่อยและเชื่อมโยงไปสู่เว็บเพจรายละเอียด ซึ่งเป็นข้อมูลการเรียนการสอนในแต่ละส่วนตามลำดับความสำคัญ โดยผู้เรียนเพียงคลิกเม้าท์เลือกเรียนในหัวข้อซึ่งเป็นเนื้อหาหรือกิจกรรมการเรียนการสอนที่ตนเองสนใจได้ตามต้องการ เช่น เว็บเพจประกาศข่าว เว็บเพจประมวลวิชา เว็บเพจเนื้อหา เว็บเพจแสดงความคิดเห็น เว็บเพจสรุปบทเรียน เว็บเพจตอบปัญหา เว็บเพจแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ เว็บเพจการประเมินผล และเว็บเพจอื่นๆตามที่ถูกออกแบบไว้
วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554
ณ หอศิลป์ ดินแดนแห่งความรู้
1. แหล่งการเรียนรู้หมายถึงอะไร
แหล่งเรียนรู้ หมายถึง แหล่งข้อมูลข่าวสาร สารสนเทศ และประสบการณ์ ที่สนับสนุนส่งเสริมให้ผู้เรียนใฝ่เรียน ใฝ่รู้ แสวงหาความรู้และเรียนรู้ด้วยตนเองตามอัธยาศัย อย่างกว้างขวางและต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการเรียนรู้ และเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้
2. หอศิลปะและวัฒนธรรมภาคตะวันออกเป็นแหล่งการเรียนรู้ เพราะอะไร
เพราะเป็นสถาบันที่ถาวรในการรวบรวม สงวนรักษา ศึกษาวิจัย สื่อสาร และจัดแสดงนิทรรศการ ให้บริการแก่สังคมเพื่อการพัฒนา โดยมีความมุ่งหมายเพื่อการค้นคว้าการศึกษา และความเพลิดเพลิน โดยแสดงหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวกับมนุษย์และสภาพแวดล้อม สิ่งซึ่งสงวนรักษาและจัดแสดงเป็นวัตถุ
3. หอศิลปะและวัฒนธรรมภาคตะวันออกเหมาะกับการสอนกลุ่มสาระใด
§ กลุ่มสาระการสอนสังคมศึกษา
§ กลุ่มสาระการสอนศิลปะ
4. แหล่งโบราณคดี สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ในภาคตะวันออกนำเสนอรายละเอียดของเนื้อหาใดบ้าง
นำเสนอแหล่งโบราณาคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งมีควมสำคัญในฐานะที่แสดง ถึงหลักฐานการตั้งถิ่นฐาน ของชุมชนโบราณบริเวณชายฝั่งทะเล ที่สะท้อนชีวิตความเป็นอยู่และวิถีวัฒนธรรมที่น่าสนใจ เช่น แหล่งโบราณคดีหนองโน จังหวัดชลบุรี นำเสนอแหล่งโบราณคดีที่มีการพบหลักฐานการตั้งถิ่นฐานของชุมชนโบราณ ที่มีอายุถึง ๔,๕๐๐ – ๔,๐๐๐ ปี นับเป็นชุมชนฝั่งทะเลสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย และ แหล่งโบราณคดีโคกพนมดี จังหวัดชลบุรี นำเสนอเรื่องราวของโบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์เพียงแห่งเดียวในประเทศไทย ที่พบหลักฐานการตั้งถิ่นฐานของชุมชนโบราณสมัยก่อนประวัติศาสตร์ อายุ ๔,๕๐๐ – ๔,๐๐๐ ปี มาแล้วซึ่งพึ่งพาหาอาหารจากทะเลเป็นหลัก และมีการอยู่อาศัยต่อเนื่องนานกว่า ๔๐๐ ปี และ เมืองโบราณที่สำคัญในยุคก่อนประวัติศาสตร์บนดินแดนบูรพาทิศินำเสนอเรื่องราวของเมืองโบราณที่สำคัญ ได้แก่ เมืองเพนียด จังหวัดจันทบุรี เมืองพระรถ จังหวัดชลบุรี เมืองศรีพโล จังหวัดชลบุรี เมืองพญาแร่ จังหวัดชลบุรี
5. วิถีการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมบนแผ่นดินตะวันออกในยุคประวัติศาสตร์ก่อนสยามประเทศเป็นอย่างไร
เป็นการรับวัฒนธรรมภายนอกทั้งจากอินเดีย เขมรโบราณ และดินแดนโพ้นทะเลเข้ามามีอิทธิพล บนพื้นแผ่นดินภาคตะวันออก รับเอาอิทธิพลความเชื่อและศาสนาทั้งพุทธ พราหมณ์ และฮินดู เข้ามามีบทบาท ซึ่งปรากฎเป็นโบราณสถานและโบราณวัตถุเป็นจำนวนมากและยังปรากฎร่องรอยหลักฐานจวบจนปัจจุบัน
6. บันทึกภาพตัวอย่างประเภทของเทคโนโลยีการศึกษาที่แบ่งตามกรวยประสบการณ์ของ Edgar Dale พร้อมคำอธิบาย
ประสบการณ์ตรงและมีความมุ่งหมาย เป็นประสบการณ์ที่เป็นรากฐานของประสบการณ์ทั้งปวง เพราะได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ได้เห็น ได้ยินเสียง ตลอดจนการสัมผัส ในหอศิลปะและวัฒนธรรมภาคตะวันออกแห่งนี้ได้มีการนำเสนอสื่อประเภทนี้โดย จัดวิทยากรมาบรรยายแต่ละเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมจัดแสดง แสง สี เสียง ให้ผู้เข้าศึกษาตลอดจนผู้ที่เข้าเยี่ยมชมได้ทำการชมใน แสง สี เสียง นั้น โดยให้ผู้เข้ารับการศึกษาหรนือผู้สนใจที่จะศึกษาในหอศิลป์แห่งนี้ ได้สัมผัสจาก อยาตนะทั้ง ๖ คือ ตา หู จมูก ปาก ลิ้น กาย และใจ
การสาธิต เป็นการอธิบายข้อเท็จจริง ความจริง และกระบวนการที่สำคัญด้วยการให้เห็นเป็นลำดับขั้น การสาธิตอาจทำได้โดยครูเป็นคนสาธิต หรืออาจใช้ภาพยนตร์ในการสาธิตก็ได้ ในหอศิลปะและวัฒนธรรมภาคตะวันออกแห่งนี้ได้มีการนำเสนอสื่อประเภทนี้โดย มีการสาธิตของวิถีชาวบ้านในระแวกภาคตะวันออกว่ามีการดำเนินชีวิตอย่างไร ความเป็นอยู่เป็นอย่างไร อาหารการกินของบุคคลในยุคสมัยนั้นว่าเป็นอาหารแบบไหน ความสัมพันธ์ระหว่างบ้านกับวัดเป็นอย่างไร
การศึกษานอกสถานที่ คือการพานักเรียนหรือผู้ที่สนใจจะศึกษาไปศึกษายังแหล่งที่ให้ความรู้นอกห้องเรียน เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยประสบการณ์มากยิ่งขึ้น ในที่นี้คือ อาจารย์ ดร.อุทิศ บำรุงชีพ ได้มีการจัดการเรียนการสอนแบบบูรณการเพื่อให้สอดคล้องกับเนื้อหาที่เรียนในชั้นเรียน โดยได้นำนิสิต สาขาการสอนสังคมศึกษา ได้ไปทัศนะศึกษาหรือดูงานที่ หอศิลปะและวัฒนธรรมภาคตะวันออก ณ มหาวิทยาลัยบูรพา เพื่อให้รู้ว่ามีการนำหลักและสื่อ หรือทฤษฏีที่เกี่ยวข้องกับสื่อการสอน ไปใช้ในชีวิตประจำวันมากแค่ไหน ตลอดจนมีการนำคุรธรรม จริยธรรม ประเพณี วัฒนธรรมที่ได้แสดงในหอศิลป์ออกมาประยุกต์ใช้ในการเรียนของตัวผู้เรียนเอง หรือการดำเนินชีวิตของตัวผู้เรียนได้
นิทรรศการ คือ การจัดแสดงสิ่งต่างๆ รวมทั้งมีการสาธิตและการฉายภาพยนตร์ประกอบเพื่อให้ประสบการณ์ในการเรียนรู้แก่ผู้ที่สนใจการศึกษา ศึกษา ในหอศิลปะและวัฒนธรรมภาคตะวันออกแห่งนี้ได้มีการนำเสนอสื่อประเภทนี้โดย
1. เยืยนถิ่นบูรพาวันนี้ ได้นำเสนอลักษณะกายภาพของพื้นที่ และภาพรวมของภาคตะวันออกในปัจจุบัน ทั้งสภาพความเป็นอยู่ และวิถีทำกินของชุมชน
2. ตามรอยอารยธรรมแห่งบูรพทิศ ได้นำเสนอการพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของพื้นที่และชุมชนในภาคตะวันออก มีความหมายสืบและรัตนโกสินทร์เนื่องทางวัฒนธรรม มาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ทราวดี เขมรโบราณ สุโขทัย อยุธยา ธนบุรี
3. แหล่งโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ในภาคตะวันออก ได้นำเสนอแหล่งโปราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งมีความสำคัญในฐานะที่แสดง ถึงหลักฐานการตั้งถิ่นฐาน ของชุมชนโบราณบริเวณริมฝั่งทะเล ที่สะท้อนภาพชีวิตความเป็นอยู่ และวิถีวัฒนธรรมที่น่าสนใจ
4. แหล่งโบราณคดีหนองโน จังหวัดชลบุรี ได้นำเสนอเรื่องราวของแหล่งโบราณคดีที่มีการพบหลักฐานการตั้งถิ่นฐานของชุมชนโบราณ ที่มีอายุถึง ๔๕๐๐-๔๐๐๐ ปี นับเป็นชุมชนฝั่งทะเลสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย
5. แหล่งโบราณคดีโคกพนมดี จังหวัดชลบุรี ได้นำเสนอเรื่องราวของโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์เพียง แห่งเดียวในประเทศไทย ซึ่งพบหลักฐานการตั้งถิ่นฐานของชุมชนโบราณสมัยก่อนประวัติศาสตร์ อายุ ๔๕๐๐ – ๔๐๐๐ ปี มาแล้วซึ่งพึ่งพาอาหารจากทะเลเป็นหลัก และมีการอยู่อาศัยต่อเนื่องยาวนานกว่า ๔๐๐ ปี
6. เมืองโบราณที่สำคัญในประวัติศ่สตร์บนดินแดนบูรพทิศ ได้นำเสนอเรื่องราวของเมืองโบราณสำคัญได้แก่ เมืองเพนียด จังหวัดจันทบุรี เมืองพระรถ จังหวัดชลบุรี เมืองศรีพโล จังหวัดชลบุรี เมืองพญาแร่ จังหวัดชลบุรี
7. วิธีการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม บนแผ่นดินภาคตะวันออก ในยุคประวัติศาสตร์ก่อนสยามประเทศ ได้นำเสนอเรื่องราวของวัฒนธรรมภายนอกทั้งจากอินเดีย เขมรโบราณ และดินแดนดพ้นทะเลที่เข้ามามีอิทธิพล บนแผ่นดินภาคตะวันออก และยังปรานกฎร่องรอยหลักฐานจวบจนปัจจุบัน
8. อิทธิพลความเชื่อและศาสนาในเมืองโบราณศรีมโหสถ ได้นำเสนอเรื่องราวของอิทธิพลความเชื่อและศาสนาหลากหลายวัฒนธรรมทั้งพุทธ พราหมณ์ อินดู ที่เข้ามามีบทบาทในเมืองซรีมโหสถ วึ่งปรากฏเป็นหลักฐานโบราณสถานและโบราณวัตถุเป็นจำนวนมาก
9. เมืองศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี บนแผ่นดินภาคตะวันออก ได้รำเสนอเรื่องราวของเมืองศรีมโหสถ เมืองโบราณสำคัญในสมัยวัฒนธรรม ทราวดี ซึ่งมีพัฒนาการมาจาก สถานีการค้าสำคัญที่มีการตั้งถิ่นฐานของชุมชน มาตั่งตาสมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย ถึงสมัยทราวดี
10. ชนต่างวัฒนธรรมในชุมชนภาคตะวันออก ได้นำเสนอกลุ่มชาติพันธุ์สำคัญที่ตั้งถิ่นฐานอยู่บนแผ่นดินภาคตะวันออก ได้แก่ คนชอง คนจีน คนญวน คนลาว และคนไทยมุสลิม
11. ภาพจิตรกรรมฝาผนัง งานศิลปะอันทรงคุณค่า ได้นำเสนอภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในวัดริมฝั่งทะเลภาคตะวันออกซึ่งเป็นงานศิลปะอันทรงคุณค่า มีเอกลักษณ์ของงานฝีมือช่างท้องถิ่น และสะท้อนถึงภาพสังคม วัฒนธรรมความเชื่อของชุมชน

ภาพยนตร์และโทรทัศน์ คือ เป็นสิ่งที่ให้ผู้เรียนหรือผู้ที่สนใจจะศึกษาได้เรียนรู้ด้วยการเห็นและการได้ยินเสียงของสถานการณ์ต่างๆ และเรื่องราวต่างๆได้มองเห็นภาพในลักษณะการเคลื่อนไหวเหมือนจริงไปพร้อมๆกัน ในหอศิลปะและวัฒนธรรมภาคตะวันออกแห่งนี้ได้มีการนำเสนอสื่อประเภทนี้โดย มีการจัดทำสื่อวีดีโอ แนะนำการเข้าศึกษาในหอศิลป์แหล่งนี้ ว่ามีนิทรรศการใดบ้าง และเกี่ยวข้องกับอะไรในภาคตะวันออก ไม่ว่าจะเป็น แหล่งโบราณคดี แหล่งทำมาหากินของชาวบ้านแถวภาคตะวันออก วิถึชีวิตการเป็นอยู่ ตลอดจนการตั้งถิ่นอาสัยว่าตั่งอยุ่ในที่สมคารหรือไม่
ทัศนสัญลักษณ์ มีความเป็นนามธรรมมากขึ้น จำเป็นที่จะต้องคำนึงถึงประสบการณ์ของผู้เรียนเป็นพื้นฐาน ในการเลือกนำไปใช้ ในหอศิลปะและวัฒนธรรมภาคตะวันออกแห่งนี้ได้มีการนำเสนอสื่อประเภทนี้โดย มีภาพประกอบหรือบรรยายแต่ละจุด เริ่มแรกด้วยภาพแสดงจุดต่างๆในหอศิลปวัฒนธรรนมภาคตะวันออก แผนภาพทางด้านโบราณคดีต่างๆ ตลอดจนอารยธรรมต่างๆในบูรพทิศ
7. ให้บันทึกภาพถ่ายกลุ่มของตนเองในการเข้าเยี่ยมชมนิทรรศการดังกล่าว
แนวคิดพื้นฐานของนวัตกรรมทางการศึกษา
ปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลอย่างมาก ต่อวิธีการศึกษา ได้แก่แนวความคิดพื้นฐานทางการศึกษาที่เปลี่ยนแปลงไป อันมีผลทำให้เกิดนวัตกรรมการศึกษาที่สำคัญๆ พอจะสรุปได้4 ประการ คือ
1. ความแตกต่างระหว่างบุคคล (Individual Different) การจัดการศึกษาของไทยได้ให้ความสำคัญในเรื่องความแตกต่างระหว่างบุคคลเอาไว้อย่างชัดเจนซึ่งจะเห็นได้จากแผนการศึกษาของชาติ ให้มุ่งจัดการศึกษาตามความถนัดความสนใจ และความสามารถ ของแต่ละคนเป็นเกณฑ์ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนได้แก่ การจัดระบบห้องเรียนโดยใช้อายุเป็นเกณฑ์บ้าง ใช้ความสามารถเป็นเกณฑ์บ้าง นวัตกรรมที่เกิดขึ้นเพื่อสนองแนวความคิดพื้นฐานนี้ เช่น
- การเรียนแบบไม่แบ่งชั้น (Non-Graded School)
- แบบเรียนสำเร็จรูป (Programmed Text Book)
- เครื่องสอน (Teaching Machine)
- การสอนเป็นคณะ (TeamTeaching)
- การจัดโรงเรียนในโรงเรียน (School within School)
- เครื่องคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer Assisted Instruction)
2. ความพร้อม (Readiness) เดิมทีเดียวเชื่อกันว่า เด็กจะเริ่มเรียนได้ก็ต้องมีความพร้อมซึ่งเป็นพัฒนาการตามธรรมชาติ แต่ในปัจจุบันการวิจัยทางด้านจิตวิทยาการเรียนรู้ ชี้ให้เห็นว่าความพร้อมในการเรียนเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นได้ ถ้าหากสามารถจัดบทเรียน ให้พอเหมาะกับระดับความสามารถของเด็กแต่ละคน วิชาที่เคยเชื่อกันว่ายาก และไม่เหมาะสมสำหรับเด็กเล็กก็สามารถนำมาให้ศึกษาได้ นวัตกรรมที่ตอบสนองแนวความคิดพื้นฐานนี้ได้แก่ ศูนย์การเรียน การจัดโรงเรียนในโรงเรียน นวัตกรรมที่สนองแนวความคิดพื้นฐานด้านนี้ เช่น
- ศูนย์การเรียน (Learning Center)
- การจัดโรงเรียนในโรงเรียน (School within School)
- การปรับปรุงการสอนสามชั้น (Instructional Development in 3 Phases)
3. การใช้เวลาเพื่อการศึกษา แต่เดิมมาการจัดเวลาเพื่อการสอน หรือตารางสอนมักจะจัดโดยอาศัยความสะดวกเป็นเกณฑ์ เช่น ถือหน่วยเวลาเป็นชั่วโมง เท่ากันทุกวิชา ทุกวันนอกจากนั้นก็ยังจัดเวลาเรียนเอาไว้แน่นอนเป็นภาคเรียน เป็นปี ในปัจจุบันได้มีความคิดในการจัดเป็นหน่วยเวลาสอนให้สัมพันธ์กับลักษณะของแต่ละวิชาซึ่งจะใช้เวลาไม่เท่ากัน บางวิชาอาจใช้ช่วงสั้นๆ แต่สอนบ่อยครั้ง การเรียนก็ไม่จำกัดอยู่แต่เฉพาะในโรงเรียนเท่านั้น นวัตกรรมที่สนองแนวความคิดพื้นฐานด้านนี้ เช่น
- การจัดตารางสอนแบบยืดหยุ่น (Flexible Scheduling)
- มหาวิทยาลัยเปิด (Open University)
- แบบเรียนสำเร็จรูป (Programmed Text Book)
- การเรียนทางไปรษณีย์
4. ประสิทธิภาพในการเรียน การขยายตัวทางวิชาการ และการเปลี่ยนแปลงของสังคม ทำให้มีสิ่งต่างๆ ที่คนจะต้องเรียนรู้เพิ่มขึ้นมาก แต่การจัดระบบการศึกษาในปัจจุบันยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอจึงจำเป็นต้องแสวงหาวิธีการใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ทั้งในด้านปัจจัยเกี่ยวกับตัวผู้เรียน และปัจจัยภายนอก นวัตกรรมในด้านนี้ที่เกิดขึ้น เช่น
- มหาวิทยาลัยเปิด
- การเรียนทางวิทยุ การเรียนทางโทรทัศน์
- การเรียนทางไปรษณีย์ แบบเรียนสำเร็จรูป
- ชุดการเรียน
1. ความแตกต่างระหว่างบุคคล (Individual Different) การจัดการศึกษาของไทยได้ให้ความสำคัญในเรื่องความแตกต่างระหว่างบุคคลเอาไว้อย่างชัดเจนซึ่งจะเห็นได้จากแผนการศึกษาของชาติ ให้มุ่งจัดการศึกษาตามความถนัดความสนใจ และความสามารถ ของแต่ละคนเป็นเกณฑ์ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนได้แก่ การจัดระบบห้องเรียนโดยใช้อายุเป็นเกณฑ์บ้าง ใช้ความสามารถเป็นเกณฑ์บ้าง นวัตกรรมที่เกิดขึ้นเพื่อสนองแนวความคิดพื้นฐานนี้ เช่น
- การเรียนแบบไม่แบ่งชั้น (Non-Graded School)
- แบบเรียนสำเร็จรูป (Programmed Text Book)
- เครื่องสอน (Teaching Machine)
- การสอนเป็นคณะ (TeamTeaching)
- การจัดโรงเรียนในโรงเรียน (School within School)
- เครื่องคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer Assisted Instruction)
2. ความพร้อม (Readiness) เดิมทีเดียวเชื่อกันว่า เด็กจะเริ่มเรียนได้ก็ต้องมีความพร้อมซึ่งเป็นพัฒนาการตามธรรมชาติ แต่ในปัจจุบันการวิจัยทางด้านจิตวิทยาการเรียนรู้ ชี้ให้เห็นว่าความพร้อมในการเรียนเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นได้ ถ้าหากสามารถจัดบทเรียน ให้พอเหมาะกับระดับความสามารถของเด็กแต่ละคน วิชาที่เคยเชื่อกันว่ายาก และไม่เหมาะสมสำหรับเด็กเล็กก็สามารถนำมาให้ศึกษาได้ นวัตกรรมที่ตอบสนองแนวความคิดพื้นฐานนี้ได้แก่ ศูนย์การเรียน การจัดโรงเรียนในโรงเรียน นวัตกรรมที่สนองแนวความคิดพื้นฐานด้านนี้ เช่น
- ศูนย์การเรียน (Learning Center)
- การจัดโรงเรียนในโรงเรียน (School within School)
- การปรับปรุงการสอนสามชั้น (Instructional Development in 3 Phases)
3. การใช้เวลาเพื่อการศึกษา แต่เดิมมาการจัดเวลาเพื่อการสอน หรือตารางสอนมักจะจัดโดยอาศัยความสะดวกเป็นเกณฑ์ เช่น ถือหน่วยเวลาเป็นชั่วโมง เท่ากันทุกวิชา ทุกวันนอกจากนั้นก็ยังจัดเวลาเรียนเอาไว้แน่นอนเป็นภาคเรียน เป็นปี ในปัจจุบันได้มีความคิดในการจัดเป็นหน่วยเวลาสอนให้สัมพันธ์กับลักษณะของแต่ละวิชาซึ่งจะใช้เวลาไม่เท่ากัน บางวิชาอาจใช้ช่วงสั้นๆ แต่สอนบ่อยครั้ง การเรียนก็ไม่จำกัดอยู่แต่เฉพาะในโรงเรียนเท่านั้น นวัตกรรมที่สนองแนวความคิดพื้นฐานด้านนี้ เช่น
- การจัดตารางสอนแบบยืดหยุ่น (Flexible Scheduling)
- มหาวิทยาลัยเปิด (Open University)
- แบบเรียนสำเร็จรูป (Programmed Text Book)
- การเรียนทางไปรษณีย์
4. ประสิทธิภาพในการเรียน การขยายตัวทางวิชาการ และการเปลี่ยนแปลงของสังคม ทำให้มีสิ่งต่างๆ ที่คนจะต้องเรียนรู้เพิ่มขึ้นมาก แต่การจัดระบบการศึกษาในปัจจุบันยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอจึงจำเป็นต้องแสวงหาวิธีการใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ทั้งในด้านปัจจัยเกี่ยวกับตัวผู้เรียน และปัจจัยภายนอก นวัตกรรมในด้านนี้ที่เกิดขึ้น เช่น
- มหาวิทยาลัยเปิด
- การเรียนทางวิทยุ การเรียนทางโทรทัศน์
- การเรียนทางไปรษณีย์ แบบเรียนสำเร็จรูป
- ชุดการเรียน
วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2554
วันที่นิสิตนักศึกษา ......รอคอย
พิธีพระราชทานปริญญาบัตรนั้นเกิดขึ้นครั้งแรกในวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ.2473 โดยทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินมาพระราชทานปริญญาบัตรแก่เวชชบัณฑิต(แพทยศาสตรบัณฑิต ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ณ ตึกบัญชาการ (อาคารมหาจุฬาลงกรณ์ ในปัจจุบัน) โดยทางมหาวิทยาลัยได้ส่งหนังสือไปยังหน่วยงานต่าง ๆ 11 แห่ง เช่น กรมยุทธศึกษาทหารบก กรมยุทธศึกษาทหารเรือ สภากาชาดสยาม วชิรพยาบาล มหามงกุฎราชวิทยาลัย ราชบัณฑิตยสภา และโรงเรียนกฎหมาย เป็นต้น โดยได้เชิญพระบรมวงศานุวงศ์ เสนาบดี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของกระทรวงต่าง ๆ เข้าร่วมพระราชพิธีครั้งนี้ด้วย
โดยในงานพระราชทานปริญญาบัตรในครั้งนั้น มหาอำมาตย์เอกพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร ได้ทูลเกล้าฯ ถวายฉลองพระองค์ครุยบัณฑิตพิเศษแด่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อจากนั้น พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานครุยกิตติมศักดิ์บัณฑิตชั้นโท หรือ มหาบัณฑิตในปัจจุบัน ทางวิทยาศาสตร์แก่พระยาภะรตราชา ผู้บัญชาการจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในขณะนั้น และบัณฑิตชั้นเอก หรือ ดุษฎีบัณฑิตในปัจจุบัน แก่ศาสตราจารย์ นายแพทย์ เอ จี เอลลิส คณบดีคณะแพทยศาสตร์ในขณะนั้น หลังจากนั้น พระองค์ทรงพระกรุณาพระราชทานปริญญาบัตรแก่เวชชบัณฑิตจำนวน 34 คน โดยสำเร็จการศึกษาเมื่อปี พ.ศ.2471 จำนวน 18 คน ใน พ.ศ.2472 จำนวน 16 คน และพระราชทานพระบรมราโชวาท แล้วจึงเสด็จพระราชดำเนินกลับ
โดยหลังจากพิธีพระราชทานปริญญาบัตรในครั้งนั้นเสร็จสิ้นแล้ว สภามหาวิทยาลัยได้เสนอให้กระทรวง ธรรมการกราบบังคมทูลขอพระบรมราชานุญาตว่า "มหาวิทยาลัยขอพระบรมราชานุญาตสงวนธรรมเนียมนี้ไว้ คือ ถือว่าการพระราชทานปริญญาบัตรเป็นการหน้าที่นั่ง หากเสด็จไม่ได้ก็จะเป็นการถวายปฏิญญาต่อพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ และรับพระราชทานปริญญาบัตรจากผู้แทนพระองค์" เมื่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงทราบแล้ว ก็พระราชทานพระบรมราชานุญาตตามที่มหาวิทยาลัยกราบบังคมทูลขอ ดังนั้น พิธีพระราชทานปริญญาบัตรจึงเป็นธรรมเนียมสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน
โดยในงานพระราชทานปริญญาบัตรในครั้งนั้น มหาอำมาตย์เอกพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร ได้ทูลเกล้าฯ ถวายฉลองพระองค์ครุยบัณฑิตพิเศษแด่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อจากนั้น พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานครุยกิตติมศักดิ์บัณฑิตชั้นโท หรือ มหาบัณฑิตในปัจจุบัน ทางวิทยาศาสตร์แก่พระยาภะรตราชา ผู้บัญชาการจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในขณะนั้น และบัณฑิตชั้นเอก หรือ ดุษฎีบัณฑิตในปัจจุบัน แก่ศาสตราจารย์ นายแพทย์ เอ จี เอลลิส คณบดีคณะแพทยศาสตร์ในขณะนั้น หลังจากนั้น พระองค์ทรงพระกรุณาพระราชทานปริญญาบัตรแก่เวชชบัณฑิตจำนวน 34 คน โดยสำเร็จการศึกษาเมื่อปี พ.ศ.2471 จำนวน 18 คน ใน พ.ศ.2472 จำนวน 16 คน และพระราชทานพระบรมราโชวาท แล้วจึงเสด็จพระราชดำเนินกลับ
โดยหลังจากพิธีพระราชทานปริญญาบัตรในครั้งนั้นเสร็จสิ้นแล้ว สภามหาวิทยาลัยได้เสนอให้กระทรวง ธรรมการกราบบังคมทูลขอพระบรมราชานุญาตว่า "มหาวิทยาลัยขอพระบรมราชานุญาตสงวนธรรมเนียมนี้ไว้ คือ ถือว่าการพระราชทานปริญญาบัตรเป็นการหน้าที่นั่ง หากเสด็จไม่ได้ก็จะเป็นการถวายปฏิญญาต่อพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ และรับพระราชทานปริญญาบัตรจากผู้แทนพระองค์" เมื่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงทราบแล้ว ก็พระราชทานพระบรมราชานุญาตตามที่มหาวิทยาลัยกราบบังคมทูลขอ ดังนั้น พิธีพระราชทานปริญญาบัตรจึงเป็นธรรมเนียมสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)